top of page
Writer's pictureLadda Kongdach

A DANCE FOR ALTERNATIVE GAY PRIDE : ASIA FOCUS FEATURE INTERVIEW - Prumsodun Ok

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Prumsodum Ok นักแสดงลูกครึ่งกัมพูชา อเมริกันปรากฏตัวในหลายเวทีทั่วโลก จากแกลอลี่เล็กๆในกรุงเทพฯ ไปจนถึง งานประชุมในญี่ปุ่น เดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็ขึ้นเวที TED2017 ที่เมืองแวนคูเวอร์ แคนนาดา

การที่เรามีโอกาสได้พูดคุยกับเขาในฐานะผู้ออกแบบท่าเต้น นักสู้ และผู้ก่อตั้งเกย์แดนซ์คอมพานีกัมพูชาเป็นที่แรก นับว่าเป็นเรื่องดี ที่จะได้เห็นมุมองของศิลปินต่อ Alternative of gay pride ก่อนที่จะได้ชมการแสดง Beloved ส่วนหนึ่งของ Bangkok Theatre Festival Asia Focus ในช่วง 2-4 มิถุนายนนี้ ณ Thonglor Art Space

(รายละเอียดการจองบัตร กดที่นี่)

Photo by Lim Sokchanlina

ช่วยเล่าหน่อยได้มั้ยว่าคุณเริ่มเต้นได้ยังไง

ผมรักการเต้นเสมอมา จำได้ว่าตอนสี่ขวบ เคยใส่ชุดสีแดงของ(พี่หรือน้อง)สาว แล้วพยายามจะเลียนแบบท่าเต้นการเคลื่อนไหวต่างๆตามที่เห็นในโทรทัศน์ พ่อแม่ผม เคยอัดวีดิโอเวลาผมเต้น โดดร่าเริง พอเริ่มโตขึ้น ผมก็พยายามจะผลักตัวเองออกมาจากการเต้น เพราะมันตีตราของความผู้หญิงในตัวผม เพื่อนบ้านเริ่มเรียกผมว่า เกย์ faggot kteuyและผมก็พยายามที่จะซ่อนมัน เพื่อให้อยู่รอด ปลอดภัย

พออายุสิบหก ผมก็เห็นว่า(พี่หรือน้อง)สาวไปเรียนเต้น ก็เลยตามไปดูด้วยความสงสัย ความรักในการเต้นก็เลยกลับมาอีกครั้ง และผมก็จะไปส่งพวกเค้า ดูวิธีการที่ครูสอนนักเรียน นำคลาสยังไง เปรียบเทียบนักเต้นยังไง ผมไปดูทุกการแสดง เป็นแฟนคลับพวกเค้า

ต่อมา หลังจากนั่งดูซึมซับมาเป็นปี ผมเลยขอครูเข้าเรียนด้วย พอครูตอบตกลง ผมรู้สึกดีใจและประหลาดใจมาก มันคือความโชคดี ที่ครูคือ Sophiline Cheam Shapiro ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นเป็นนักออกแบบท่าเต้น และตอนนี้ก็กลายเป็นนักเต้นสำคัญของกัมพูชาไปแล้ว

และคุณเองก็กลายเป็นศิลปิน…

ถึงแม้ว่าผมจะเต้น ผมไม่เคยเข้าใจว่าศิลปะคืออะไร เราถูกสอนว่า การเต้นคือวัฒนธรรม คือตัวตน และผมก็ไม่สามารถอธิบายหรือตอบใครได้ว่า มันคือวัฒนธรรมหรือตัวตนอะไร จนได้มาเรียนทำหนังทดลอง เลยได้เข้าใจว่า ศิลปะคือเครื่องมือที่ใช่ในการตั้งคำถาม สำรวจ หรือมีอิทธิพลต่อโลกรอบๆตัวเรา และที่สำคัญไปกว่านั้น คือได้ค้นพบว่า ผมก็สามารถ ค้นหาและสร้างเสียงของตัวเองผ่านการเต้น ไม่ต่างกับหนังทดลองเลย นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้ผมกลายมาเป็นศิลปิน ตั้งแต่นั้น ผมได้เริ่มสร้างงานของตัวเอง ซึ่งโดยมากได้รับการสนับสนุนจากคนในวงการศิลปะตามขนบ และวงการศิลปะการแสดงร่วมสมัย ผมกลายเป็นผู้ที่เชื่อมโยงระหว่างคนสองกลุ่ม สองคำศัพท์ สองโลก ที่ให้ความหมายกับการเกิดมาและโตขึ้นในพื้นที่ตรงกลางระหว่างวัฒธรรม และบริบทที่หลากหลาย

Photo by Long Sorl

จากอเมริกา กลับมา กัมพูชา ทำไม

การตัดสินกลับมาที่กัมพูชาเป็นเรื่องบังเอิญ ชะตาฟ้าลิขิต แล้วแต่จะเรียก ผมกำลังจะกลับจากแม็กซิโก แต่ได้รับทุนให้พัฒนางานแดนซ์ Beloved ที่กัมพูชา ผมเลยคิดว่าคงกลับมาปีนึง แต่พอได้เห็นเด็กหนุ่มรอบตัวผมกำลังโตขึ้น เห็นถึงความเป็นไปได้ของคณะละคร ผมรู้สึกว่า นี่แหละ

เกย์แดนซ์คอมพานี คณะแรกในกัมพูชา เกิดจากห้องรับแขกของผมเอง และความฝัน ภาพชีวิตของผมก็ใหญ่ขึ้น เต็มขึ้น ชัดเจนและเป็นจริงขึ้น ทางเดินชีวิตของผมปรากฏอยู่ตรงหน้าตั้งแต่ตอนนั้น

การแสดงร่วมสมัยในกัมพูชาเป็นยังไงบ้าง

ก็ลำบากเหมือนกัน ประเทศกัมพูชา ยังอยู่ในช่วงปลุกปล้ำต่อสู้กับผลของสงคราม ยังต้องเผชิญกับการไร้ซึ่งโครงสร้างพื้นฐาน โอกาสทางการศึกษาที่จำกัด ขาดแหล่งเงินทุน

นอกเหนือจากการสร้างงาน ศิลปินและคณะละครร่วมสมัยต้องใช้พลังเยอะมากๆที่จะสร้างโปรเจ็คของตัวเอง สร้างงานไปพร้อมๆกับการพัฒนากลุ่มคนดู การที่จะให้คนดูจ่าย 5 ดอลลาร์ (หรือ ประมาณ 170 บาท) สำหรับหนึ่งการแสดง เราก็ท้าทายตัวเองที่จะแสดงให้คนดูเห็นว่าศิลปะมีค่าอย่างไรและทำไม

อย่างที่รู้ว่า ประชากรเกินครึ่งของกัมพูชา อายุต่ำกว่า 35 นั้น แปลว่าเป็นกลุ่มคนดูที่เด็ก กำลังหาอะไรใหม่ๆ ที่สะท้อนโลกของพวกเค้า ซึ่งละครเวทีและดนตรีก็มีข้อจำกัดต่างๆ งานทดลองส่วนมากจึงมาจากนักเต้นที่ฝึกงานขนบมา ทั้ง robam และ khoal เพราะว่านี้คือสิ่งที่มาจากรากเดียวกัน เชื่อมทุกคนเป็นครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น

อาจจะไม่มีการแสดงร่วมสมัยมากนักในกัมพูชา แต่ผมบอกได้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น มากไปกว่านั้น นิยามของคำว่า การเต้นร่วมสมัยก็กว้างมาก ผมชื่อว่า ความสำคัญอยู่ที่การรักษาความเปิดกว้าง ของโลกศิลปะหลังจากยุคล่าอาณานิคม ในวิถีที่มันให้ความหมาย ได้เกิดขึ้นและ เป็นต้นทุนให้งาน

ร่วมสมัย แปลว่า ร่วม-เวลา และเวลาสำหรับผม คือประสบการณ์ที่สะสมมา ร่วมสมัย ไม่เกี่ยวกับศัพท์ วัฒนธรรมภูมิศาสตร์ อย่างที่หลายคนเชื่อ การเรียนงานชิ้นหนึ่งว่า ร่วมสมัย ไม่ได้ทำให้งานนั้นใหม่ มีความหมาย พิเศษ หรือ สำคัญ

Performers of Prumsodun Ok and NATYARASA. Photo by Nobuyuki Arai

แล้วเรื่องของ เกย์ หล่ะ

สังคม LGBT ชัดเจนมากขึ้นในกัมพูชา ผมเห็นได้ถึงพลังก่อตั้งของคนกลุ่มนี้ แต่ถ้าพวกเราไม่ระวัง เราอาจจะสูญเสียความเป็นปัจเจก ความเป็นคน ความเป็นภูมิภาคไปได้ ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่ผมกลับมาที่กัมพูชาในปี 2008 Drag show ก็มีการใช้เพลงของคนเขมร ไทย เวียดนาม จีน เกาหลี อเมริกัน ส่วนตอนนี้ทุกโชว์ก็จะมีความอเมริกันจ๋า

ผมเข้าใจว่า มันสำคัญที่เราต้องมีส่วนรวมและเชื่อมโยงกับประเด็นที่ใหญ่กว่า แต่ถ้าเราไม่ไวต่อสิ่งกระตุ้น การเป็นเกย์ในกัมพูชาจะหมายถึงการที่คุณฟังเพลง เลดี้กาก้า หรือเป็นแบบ west Hollywood แปลกดีนะ การที่ผมเป็นเกย์เขมร-อเมริกัน ผมไม่เคยเห็นตัวเองในกระแสหลักของวัฒนธรรมอเมริกันเลย หรือของเกย์ก็ตาม เพราะมันทั้งแบ่งชั้น แบ่งผิว รักเกลียดผู้หญิงพร้อมๆกัน

ถ้าถามว่าคนพื้นเมืองทั่วไปคิดเห็นอย่างไร อะไรคือสิ่งที่เรามีได้ ในฐานะคนคนนึง หรือในพนมเปญ ในกัมพูชา ในเอเชีย หรือในโลกนี้ บางทีเราสามารถหามหาวิทยาลัย ค้นหาผ่านข้อจำกัดต่างๆ หรืออาจจะหาทางเชื่อมโยง ชื่นชมมันผ่านความเหมือน ความต่างก็ได้

อะไรคือไอเดียที่เอา เกย์ กับ การเต้นนาฏศิลป์เขมรมาร่วมกัน ในงานสร้างสรรค์ของคุณ

งานนาฏศิลป์เขมรคือภาพสะท้อนของสวรรค์ และสวรรค์คือต้นแบบของขนบความงามของคนในสังคม ถ้ามันไม่มีภาพ ไม่มีเรื่องราวของเกย์สะท้อนในพิธีกรรมต่างๆ นั่นแปลว่าเราไม่มีชีวิต ซึ่งการไม่มีอยู่นี้สามารถอธิบายได้ว่า ปัจจุบัน LGBTQ ส่วนมากจะถูกเข้าใจผิด โดนทำให้เสียชื่อเสียง โดนตี โดนเผา โดนโยนจากตึกทั่วโลก

หากจะบรรยายถึง Prumsodun Ok และ NATYARASAในฐานะของของเกย์แดนซ์คอมพานี คือการพยายามสร้างพื้นที่เพื่อกลุ่ม LGBTQ ตามจารีตและสังคม เราเองก็ได้ขยายและออกแบบท่าเต้นใหม่ให้กับภาพของสวรรค์ เราได้เสนอศิลปะอันเปราะบางของนาฏศิลป์เขมร ในฐานะคนดูแลคนใหม่ และทางเลือกใหม่ๆ ให้คนเขมรและโลกนี้ได้เห็นว่า การเป็นเกย์ไม่ได้ขัดต่อขนบแต่อย่างใด

Photo by Ryan Lash

เล่าเรื่องการเข้าร่วม TED ให้ฟังหน่อย

ผมได้รับคัดเลือกจาก TED Senior Fellow ในปี 2017 ซึ่งผลก็คือ ผมจะได้เข้าร่วม TED conferences ทั้งหมด 4 งานในเวลา 2 ปี มันเป็นงานใหญ่ที่จะได้เจอ game changers รุ่นใหม่ๆที่เป็นแถวหน้าของแต่ละสาขา ตั้งแต่แฟชั่น มาจนถึง การอนุรักษ์ธรรมชาติ ภาพถ่าย หรือเภสัชศาสตร์

ปีนี้ ผมได้มีโอกาสแบ่งบันเกี่ยวกับเรื่องการเต้นของเขมร ที่งาน TED2017 ที่แวนคูเวอร์ ผมได้ใช้โอกาสนี้เล่าถึงการรูปแบบการเต้นตั้งแต่พันกว่าปีที่แล้ว การเปลี่ยนรูปร่างของธรรมชาติในศิลปะ บทบาทของศิลปินในสังคม และความหมายของการเป็น creator ในสังคมยุค post-conflict ทั้งหมดใน 10 นาที

ท้ายที่สุด ผมขอบคุณสำหรับโอกาสในการเล่าเรื่องศิลปะของเชื้อสายผม ซึ่งนั่นก็คือกัมพูชา เพราะเรายังต้องการคนใหม่ๆอีกจำนวนมาก ที่จะช่วยผลักดันรูปแบบศิลปะและงานของชาติเราไปข้างหน้า นอกจากนั้น มันเป็นสัปดาห์ที่น่าประหลาดใจพร้อมกับแรงบันดาลใจที่จะแบ่งปัน และสำรวจชีวิตจากมุมมองต่างๆทั่วโลก

Beloved คืออะไร

Beloved ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพิธีกรรมในศตวรรตที่ 13 บันทึกโดย Zhou Daguan เป็นนักการฑูตจีนที่ถูกส่งไปสภาเขมรที่อังกอร์ Daguanได้บันทึกเกี่ยวกับกษัตริย์ ที่พยายามจะปีนจุดสูงสุดของวัดทุกๆคืน เพื่อที่จะมาพบพญานาคแปลงกลายเป็นผู้หญิง ถ้าพญานาคไม่ปรากฏตัว แปลว่ากษัตริย์จะตายในไม่ช้า และถ้ากษัตริย์ไม่มา ก็อาจหมายถึงการทำลายล้างรูปแบบหนึ่ง ภาวะข้าวยากหมายแพง ความแห้งแล้ง โรคภัยต่างๆ ซึ่งจะนำความเสียหายมายังแผ่นดิน

พิธีทางศาสนานี้เป็นการรวมความเป็นชายและหญิงที่ทำให้ฝนตก และท่าเต้นต่างๆก็จะเห็นถึงการร่วมพลังของชายหญิง ผมก็เลยศึกษาวิจัยต่อ และพบว่าตัวเองขุดลึกลงไปในประวัติศาสตร์ของอินเดียและญี่ปุ่น รวมถึงพุทธศาสนาด้วย

ผมจะไม่ลงลึกไปกว่านี้เพราะเราอยากให้คนสัมผัสได้จากงานก่อน จิตใจจะตามหัวใจ วิญญาณและความกล้าไปเอง อย่างไรก็ดี ผมก็อาจจะแค่ทิ้ง คำถามไว้ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ทำโปรเจ็คต่อไป เช่น ผมจะสามารถทำให้เกิดงานเต้นขอฝนแบบร่วมสมัย (a contemporary rain dance) สำหรับโลกของศิลปะ ที่ทั้งเป็นกลางและเกี่ยวกับทางโลกได้อย่างไร หรือ ผมจะสร้างงานเต้นที่เก็บเรื่องราวเกี่ยวกับพลังอันแรงกล้าของศาสนาที่ผมรู้สึกในงานศักดิ์สิทธิ์ของเขมรได้อย่างไร

Performers of Prumsodun Ok and NATYARASA. Photo by Nobuyuki Arai

อะไรคือจุดโฟกัสหลักของงานคุณตอนนี้

ผมโฟกัสที่การเสิร์ฟงานขนบที่ได้สืบทอดอย่างแรงกล้าทั้งในฐานะนักแสดง ผู้สร้าง ผู้สอนและอื่นๆ ผมทำหลายหน้าที่ทั้งด้านศิลปะ และด้านการจัดการ แต่ทุกบทบาทของผมนั้นเพื่อรับใช้ศิลปะและกลุ่มคนที่ใหญ่ขึ้น เวลาผมสร้างอะไรบางอย่าง ผมจะถามตัวเองว่า งานนี้กระตุ้นฉันมั้ย ผลักดันศิลปะมั้ย และโลกเราหล่ะ คำตอบควรจะเป็น “ใช่” ทั้งสามข้อ

ในความคิดของคุณ อะไรทำงานการแสดงแตกต่างจากศิลปะแขนงอื่น

พลังของการแสดงอยู่ที่ความอนิจจัง การแสดงท่าทาง การเคลื่อนไหวของเรากำลังตายจากและเหมือนกำลังเกิดใหม่ นี่คือการประสานเข้าด้วยกันของปรัญชาพุทธศาสนา กับธรรมชาติที่เป็นไป บางทีคุณลักษณะชั่วขณะนี้คือสิ่งที่ทำให้การแสดงน่าสนใจ จากสังขารไม่เที่ยงแปรเป็นความเน่าเปื่อยและเปลี่ยนรูป สู่ห่วงขณะที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก

คำถามโดย เวลา อมตธรรมชาติ แปล โดย อลีสญาฌ์ ทอย

การแสดง ‘Beloved’ โดย Prumsodun Ok and NATYARASA จะทำการแสดงวันที่ 2-4 มิ.ย. 2560 – 20.00 น. ณ โรงละครทองหล่ออาร์ตเสปซ รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณา กดที่นี่

Recent Posts

See All
bottom of page