“นี่คือละครใบ้ร่วมสมัย ที่ถ่ายทอดความเป็นบังกลาเทศได้อย่างน่าแปลกตา...…จะเรียกว่าลิเกในแบบบังกลาเทศ (ที่ไม่มีบทพูด) น่าจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น”
หากพูดถึงละครหรือศิลปะจากบังกลาเทศ หลายคนอาจจะนึกภาพตามไม่ออก หรือไม่ค่อยผ่านหูผ่านตามากนัก แต่ถ้าบอกว่า “ประเทศบังกลาเทศ ถูกล้อมและมีวัฒนธรรมคล้ายกับประเทศอินเดีย” เพียงเท่านี้ เสียงกลอง เครื่องดนตรีพื้นเมือง และเสียงร้องแหลมสูงสาวอินเดีย จะผุดในหัวขึ้นมาในทันทีในความทรงจำของหลายๆคน เรื่องย่อสั้นๆของ A Tale of A Hero นำเสนอเรื่องราว “มหากาพย์” การผจญภัยของหนุ่มนักสู้ ที่สำเร็จวิชาการต่อสู้ทั้งหมัดมวย และศาสตราวุธ (คล้ายๆสำนักเส้าหลิน) ขณะที่เขากำลังจะเดินทางกลับบ้านไปหาแม่ในชนบท เขาก็ได้เดินทางผ่านพระราชวังแล้วได้ตกหลุมรัก เจ้าหญิง รูปงาม ถึงขั้นรีบกลับไปให้แม่มาสู่ขอ แต่เมื่อเขากลับมาหาเจ้าหญิงอีกครั้งก็พบว่า เธอถูกกลุ่มโจรโฉดลักพาตัวไปเสียแล้ว...บทพิสูจน์รักของยอดนักสู้จึงเริ่มต้นขึ้น "กว่าพระเอกนางเอกในหนังอินเดียจะรักกันยากปานใด ละครใบ้บังกลาเทศเรื่องนี้ก็ไม่แพ้กัน”
ตลอดเวลา 1 ชั่วโมงกับการแสดงที่ไม่มีบทพูดนี้ เราจะเห็นพลังงานของ หนุ่มนักสู้ ที่บุกป่าฝ่าดงเพื่อหญิงคนรัก เห็นการแสดงที่เปี่ยมไปด้วยสมาธิ ค่อยๆซึมซับความเป็นบังกลาเทศ จนหลังจบการแสดงอยากจะเอาผ้าแดงมาคล้องและยักคอสักสองสามที
นับว่าการแสดงที่เรียกว่า Pantomine Movement ได้ให้ความรู้สึกแปลกตากับละครใบ้ที่แสดงในบ้านเราอยู่พอสมควร ทั้งจำนวนผู้แสดงที่มากมาย การเคลื่อนไหวที่เป็นเอกลักษณ์คล้ายการร่ายรำแบบอินเดีย ดนตรีประกอบที่เป็นดนตรีพื้นเมืองแบบดั้งเดิม และชุดแต่งกายสีเขียวกับผ้าคล้องสีแดง (ผ้าผืนเดียวที่สามารถใช้เปลี่ยนนักแสดงให้เป็นทุกบทบาท) นับว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่น่าชื่นชม “ดุดัน งดงาม อบอุ่น และสร้างสรรค์” ผู้ที่ชื่นชอบละครใบ้ และศิลปะการแสดงเอเชียแบบร่วมสมัย ไม่ควรพลาดการแสดงนี้ A Tale of Hero ยังเปิดการแสดงอีก ในวันที่ 12 พ.ย. นี้ 1 รอบการแสดง ( 18.00 น.)
สิรภพ แสงฉาย