สุดแสนเจ๊กใจฯ ความจีน ยังฟินอยู่ โดย ศุภวัฒน์ หงษา (มหาทิว)
ถ่ายภาพ เบ็น โกศลศักดิ์ . ความจีนเป็นเสน่ห์น่าสนใจในสังคมไทยอยู่เสมอ ไม่เว้นในวงการละครเวที เราได้เห็นละครโรงใหญ่ หยิบเอานิยายเรื่องดังอย่างลอดลายมังกรที่เล่าแง่มุมความอุตสาหะของชาวจีนในไทยเพื่อยกสถานะทางสังคมให้ดีกว่าเป็นอยู่ หรือเรื่องราวการต่อสู้เพื่อความรักบนความแตกต่างจากตำนานจีนอย่างนางพญางูขาวและม่านประเพณี หรือเรื่องราวเถลิงสู่อำนาจของสตรีอย่างซูสีไทเฮาและบูเช็กเทียน ส่วนมากมักนำเสนอในแง่ความยิ่งใหญ่ น่าสรรเสริญศรัทธา หรือน่าเกรงขาม ซึ่งล้วนได้รับการตอบรับอย่างดี .
ในข้างละครโรงเล็ก เราได้เห็นความจีนในแง่มุมที่เล็กลงตาม แต่เป็นความเล็กที่"ไม่เล็กนะครับ" เราได้เห็น ตงฟางปู๋ป้าย, พยัคฆ์เล็ก มังกรใหญ่, เช็งเม้ง,The 3rd Party ที่มักจะเน้นฉายให้เห็นเรื่องเล็กๆระหว่างความสัมพันธ์ของคนจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีนโดยเฉพาะในระดับครอบครัว ที่ผูกโยงอยู่กับความยึดมั่นในชุดความคิดที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ เช่น ความวิริยะอุตสาหะ การต้องพิสูจน์ตนเพื่อเป็นที่ยอมรับ ความกตัญญูต่อบุพการี ความยึดเหนี่ยวเกี่ยวพันเป็นครอบครัวใหญ่ ที่นำมาซึ่งความขัดแย้งเพราะสังคมที่เปลี่ยนไป
.
สุดแสนเจ๊กใจ ม๊าหายไปหกเดือนฯ ละครชื่อยาวของกลุ่มละคร OTW กลุ่มละครน้องใหม่ ที่เป็นบัณฑิตเอกการแสดง มศว รวมตัวกันสร้างงงาน เป็นละครเสน่ห์จีนอีกเรื่องที่ตั้งใจนำเสนอความสัมพันธ์เล็กๆในครอบครัวเชื้อสายจีน ที่กำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลง เรื่องราวว่าด้วยความวุ่นวายของสี่พี่น้องหนุ่มเจ๊ก(ไม่เลี้ยว)ตระกูลร้านบะหมี่ที่กำลังเครียดเพราะ อาม๊า หายตัวไปนานหกเดือน ทำให้ความรู้สึกที่ยึดเหนี่ยวกันไว้เป็นหนึ่งต้องสั่นคลอน เพราะต่างคนต่างก็มีความมุ่งหมายของตนที่อยากไป และอยากเป็น .
ละครเลือกที่จะเป็นเจ๊กไม่เป็นจีน กล่าวคือนำเสนอภาพด้านไม่น่าอภิรมย์นักของความเป็นจีนที่ถูกเรียกอย่างเหยียดๆด้วยคำว่าเจ๊ก ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนด้วยฉากการปะทะคารมที่เสียงดังล้งเล้งฟังไม่รู้เรื่อง เหมือนจะบอกกับคนดูว่านี่ไม่ใช่ละครที่จะพูดถึงความจีนในแง่ที่โรแมนติกเหมือนอย่างที่คนไทยชอบนัก ซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจของละครเรื่องนี้ .
การหายตัวไปของอาม๊าในเรื่อง ทำให้สี่หนุ่มพี่น้องเริ่มมีปัญหากัน และเริ่มอยากจะผละออกจากกันไปตามทางของตน ในข้อนี้ทำให้รู้สึกได้ว่าผู้สร้างกำลังถ่ายทอดความรู้สึกที่อึดอัดที่อาจเคยประสบ ความเป็นจีนที่สืบทอดมาก็เปรียบได้กับกฎเกณฑ์ค่านิยมที่เคยเชื่อว่าต้องเดินตาม เมื่อวันหนึ่งเวลาผ่านไปค่านิยมเริ่มเลือนลาง(แทนด้วยอาม๊าที่หายไป) ความต้องการที่แท้ที่ถูกกดไว้เริ่มแสดงตน ความวุ่นวนวุ่นวายก็เกิดขึ้น . โครงสร้างทำนองนี้จริงๆก็นับว่าแข็งแรงพอสมควร และสามารถยึดแล้วเล่นกับมันต่อไปให้สนุกเข้มข้นได้ ทว่าละครกลับเลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น แต่ใช้มันเริ่มเรื่องอย่างผิวๆ พอกำลังจะเข้มข้นน่าติดตาม ละครก็เลือกที่จะเปลี่ยนทางอย่างน่าตกใจ
. Spoil aleart!!!! . . .
ครึ่งเรื่องหลังว่าด้วยการกลับมาช่วยแก้ปัญหาของอาม๊าในฐานะนางฟ้า!!! และนำพาไปสู่จุดจบที่น่าเศร้า ละครเลือกใช้วิธีการสร้างเสียงหัวเราะและการมีส่วนร่วมแบบงงๆของผู้ชม ซึ่งก็สนุกเฮฮาจริงๆ ทว่าสิ่งที่สร้างมาในครึ่งแรกที่เข้มข้นนั้นหายไปเลย จนน่าเสียดายทั้งที่มันยังนำมาต่อยอดให้เกิดเป็นความขัดแย้งใหม่ๆที่จะนำไปสู่ตอนจบได้ ละครครึ่งหลังเลือกโยนให้ผู้ชมเป็นผู้กำหนดชะตากรรมตัวละคร ดั่งจะบอกว่าวิถีชีวิตของคนเจ๊กรุ่นใหม่จะไม่ได้เป็นไปตามค่านิยมเดิมอีกแล้ว แต่จะเปลี่ยนไปตามกระแสสังคมใหม่ๆ(การกำหนดโดยผู้ชมส่วนใหญ่) ที่ผลสุดท้ายก็น่าเศร้าพอๆกับค่านิยมเก่า .
การที่ครึ่งเรื่องหลังของละครเลือกที่จะเป็นแบบนี้ มีข้อดีที่ทำให้สนุกได้สารที่น่าสนใจ แต่ก็ได้ทำลายละครครึ่งแรกจนทำให้รู้สึกตะหงิดๆว่าจะมีครึ่งแรกทำไม ซึ่งไอ้ความรู้สึกนี้ก็อาจเป็นความต้องการของผู็สร้างก็ได้ ตีความแบบเข้าข้างที่สุดได้ว่า ละครอยากว่าด้วยการรื้อโครงสร้างความเจ๊ก เลยทำการรื้อโครงสร้างวิธีการเล่าตัวเองซะด้วยเลย เรียกว่า รื้อในรื้อก็ได้มั้ง .
สุดท้ายละครจบลงแบบที่ผู้ชมตัดสิน ในท่าทีที่เบลมว่าผู้ชมเป็นผู้ผิดที่ไปทำลายพวกเขา(แล้วยังนั่งหัวเราะเขาอีก555) ซึ่งหลังๆก็ได้เห็นงานนำเสนอความคิดแนวนี้เยอะพอสมควร ผู้สร้างซึ่งเป็นเด็กรุ่นใหม่อาจได้อิทธิพลและอดใจไม่ได้ที่จะเอามาผสม ซึ่งก็น่าสนใจแต่อาจจะต้องลับความคมของการจะทำให้ผู้ชมคล้อยตามมากขึ้น มากกว่าทำให้รู้สึกว่า เออ กูผิดก็ได้! .
โดยรวม เจ๊กใจฯ เป็นงานที่สะท้อนเสน่ห์จีนที่มีความสดใหม่น่าสนใจ ต่างไปจากละครเสน่ห์จีนแนวยิ่งใหญ่ และแหวกจากงานเสน่ห์จีนแนวความสัมพันธ์ไปอีกทางหนึ่ง เป็นงานที่นำความจีนมาทำให้ฟินได้อยู่ในวันที่สังคมเปลี่ยนไป สิ่งที่อยากเห็นพัฒนาต่อไปคือการทำให้คนจีนยุคใหม่ ผู้เป็นตัวแทนของคนที่เพิ่งหลุดพ้นจากค่านิมที่กดทับ ได้เป็น ได้ไป อย่างมีหวัง โดยไม่ต้องย้อนกลับไปโทษอะไร พ้นจากความรู้สึกเป็น "ผู้ถูกกระทำ" และไม่ต้องหา"ผู้กระทำ"คนใหม่ให้พวกเขา
.
.
.
แสดงวันที่ 22 มิถุนายน-3 กรกฎาคม 2560
(ยกเว้น อังคาร-พุธ ) เวลา 20.00 น.
ณ Democrazy Theatre Studio
More info click here